ดากานดา...แกไปทะเลครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ คงนานมาแล้วสินะ
ก็บ้านของแก คือภูเขา ผิดกับฉัน ฉันผู้ไม่มีบ้านเป็นทั้งทะเลหรือภูเขา
ฉันจึงโหยหาที่จะไปสัมผัสมันอยู่ตลอดเวลา เวลาห้าปี ฉันได้อาศัยภูเขาเป็นที่พักพิง
นั่นก็เป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น วันนี้ฉันได้จากมาแล้ว และฉันกำลังเดินทางไปสู่ทะเล
ซึ่งจากมานานเหลือเกิน( แต่นั่นแหละ.. ที่นั่นก็ไม่ใช่บ้านของฉัน )
....................
ดากานดา...แกถามฉันว่า ฉันมาทำอะไรเอาในตอนนี้ ยามที่สีแสดสดของทองกวาวกำลังเลือนไป...
ฉันจะตอบแกว่าอย่างไรดี ฉันได้บอกรักแกใต้ต้นชงโคก่อนที่เราจะต้องจากกัน...
.....................
ดากานดา...ฉันรักแกเพราะแกดีใจเหมือนฉัน แกเศร้าใจเหมือนฉัน
ถ้าแกอยู่กับฉันในตอนนี้ แกก็จะรู้สึกเช่นเดียวกัน...
....................
ฉันเริ่มนับวันและนับคืนและคิดว่า เอาล่ะ จดหมายของฉันจะเดินทางไกลถึง 1500 กิโลเมตร จากเกาะพะงันไปเชียงใหม่ ฉันนึกถึงการเดินทางอันยาวไกลของมัน
มันต้องลงเรือข้ามอ่าวไทยขึ้นฝั่ง จากนั้นมันก็ขึ้นรถไฟเข้ากรุงเทพ ต่อรถไฟอีกขบวน
เพื่อไปเชียงใหม่ มันจะไปพักอยู่ที่ทำการไปรษณีย์ที่ไหนซักแห่งในเมือง แล้วนายบุรุษไปรษณีย์หนุ่มผู้แข็งขัน ก็จะพามันไปถึงประตูบ้านของแกเลยทีเดียว
แล้วมันจะบอกกับแกว่า สวัสดี ดากานดา ฉันเดินทางมาถึงแล้วนะ......
....................
........................
ดากานดา...ฉันเริ่มเขียนบันทึกเล่มนี้มาตั้งแต่อยู่ปีสาม ฉันซื้อมันมาจากร้านแซงแซว
หน้ามอ มันถูกเลหลังอยู่ในตะกร้าเมื่อผ่านปีใหม่ไปแล้ว
ต่อมามันกลายเป็นอาณาเขตส่วนตัวของฉัน ในอาณาเขตนี้ฉันไม่เคยโกหกตัวเอง ไม่เหมือนกับอาณาเขตภายนอก
ฉันมั่นใจว่าสิ่งที่ฉันบันทึกลงไปทุกคำ มันออกมาจากหัวใจของฉันเลยทีเดียว....
ฉันไม่เคยสับสนกับความรู้สึกที่มีต่อแก ฉันรู้จักมันดี ไอ้ความรู้สึกรักภายในใจฉัน
ฉันเชื่อว่าฉันรักแกนะ.....ดากานดา
เหมือนกับในตอนนี้ที่ฉันเชื่อว่า หากอยู่ที่นี่ต่อไปอีก ฉันต้องรักหญิงสาวคนนั้นแน่ๆ....
ภายในอาณาจักรของฉัน ฉันไม่เคยรู้สึกสับสนอะไรเช่นนี้เลย
ตลกสิ้นดี ฉันยังไม่พร้อมจะรักใครอีก ฉันกำลังเจ็บปวดอย่างสาหัส
อาณาจักรของฉันกำลังพังทลาย ฉันยังไม่พร้อมสำหรับใครที่จะมารักฉัน
มันเป็นเรื่องราวโง่ๆ ความรู้สึกโง่ๆ ของฉันเอง
พรุ่งนี้ฉันจะไปจากที่นี่...
........................
ดากานดา...การเดินทางของฉันสิ้นสุดลงกลางทะเล
และจดหมายถึงแกฉบับนี้ก็เป็นฉบับสุดท้ายของฉัน.....
....................
ฉันมีความสุขที่ได้เขียนอะไรต่อมิอะไรให้แกอ่าน เหมือนเพื่อนเก่าคนหนึ่ง
.....................
ขึ้นฝั่งแล้วยังไม่รู้จะไปไหนต่อ ฉันอาจนั่งรถไฟลงใต้ไปอีก
แต่ขอให้ถือว่าการเดินทางของฉัน สิ้นสุดลง ณ กลางท้องทะเลแห่งนี้เถิด
พอพระอาทิตย์ขึ้นตรงเส้นขอบฟ้า วันใหม่ของฉันก็จะเริ่มต้น
ฉันจะไม่เขียนอะไรอีกแล้ว...
......................
ฉันอ่านเจ้าชายน้อยรอบที่สองจบลงแล้ว พร้อมกับการปรากฎขึ้นของดวงตะวันใหม่
และท่าเรือที่ฉันมองเห็นอยู่เบื้องหน้าทางทิศตะวันตก
ฉันคงต้องจบการเดินทางลงตรงนี้จริงๆ แล้วล่ะ ดากานดา ฉันจะจบข้อความใน
จดหมายฉบับสุดท้ายของฉันเดี๋ยวนี้แล้ว จะจบอย่างไรดี
เพื่อไม่ให้มันเชยและเศร้า....
...รักและคิดถึง ดีไหม...ดากานดา
...รักและคิดถึงแกเสมอ...
.........................
หนังสือจบ การเดินทางของ ไข่ย้อย ที่ไม่เหมือนในหนัง...
เป็นบทสรุปที่ผมว่า ลงตัวกว่าในหนัง และ ผมเข้าใจกับการตัดสินใจของ ไข่ย้อยในหนังสือมากกว่า...
การเดินทางที่เหมือน ยิบซีเร่ร่อน.....ไร้บ้าน
เมื่อหัวใจแตกสลาย ...การได้เดินทาง..คงเหมือนการใช้ระยะทาง เยียวยาหัวใจ...
แต่ยิ่งหนี...มันก็ เหมือน ยิ่งรู้ใจตัวเอง...ว่าสุดท้าย
อะไรคือสิ่งที่ใจเราต้องการ
.....และ สำหรับ ไข่ย้อย และ ดากานดา นั้น...
คำว่า...เพื่อน ...มันคงเป็นคำตอบ ที่ตอบได้ทุกคำถาม
แค่นั้น มันเพียงพอแล้ว
บางทีบทสรุปของความรัก....ไม่จำเป็นต้องอยู่ร่วม...
ความเต็มตื้นในใจที่ได้รัก...
ได้เห็นคนที่เรารัก... มีความสุข
น่าจะดีที่สุดแล้ว ไม่ว่า คนที่ให้ความสุขนั้น จะเป็นเราหรือไม่ก็ตาม
............................
เจ้าชายน้อยหัวเราะ ฉับพลันดวงดาวบนฟ้าซึ่งมองเห็นได้จากดาดฟ้าเรือก็พลอยส่องประกายสุกใสขึ้นมาอีกครั้ง
.....มันเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว เป็นความลับที่สุนัขจิ้งจอกบอกกับฉัน..
เราจะมองเห็นอะไรได้ลึกซึ้งแจ่มแจ้งก็ด้วยหัวใจเท่านั้น
แก่นสาระใดๆ ก็ตาม มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นหรอก.....
*******************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น